วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ

2.1ข้อมูลและสารสนเทศ
 1) ข้อมูล(Data)
 หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหรือมีลักษณะหลายอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน


 2) สารสนเทศ(Information)
 หมายถึง ข้อมูลต่างๆที่ผ่านการประมวลผลแล้ว ซึ่งถูกต้องแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้


 3) ลักษณะของข้อมูลที่ดี
 ต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ในระดับที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยข้อมูลที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
 - มีความถูกต้องและแม่นยำ
 - มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
 - ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นปัจจุบัน
 - ความสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้

 4) ชนิดและลักษณะของข้อมูล
  แบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่
 - ข้อมูลที่เป็นตัวเลข คือ ข้อมูลที่ใช้แทนจำนวนที่สามารถนำไปคำนวณได้มีหลายรูปแปบคือ เลขจำนวนเต็ม,เลขทศนิยม(เลขทศนิยมเขียนได้ 2 รูปแบบคือรูปแบบทั่วไปเช่น 7.41 และแบบที่ใช้งานทางวิทยาศาสตร์ เช่น 123 x 10^4
 - ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและไม่สามารถนำไปคำนวณได้แต่สามารถนำมาเรียงต่อกันเป็นความหมายได้

5) ประเภทของข้อมูล
    แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
 - ข้อมูลปฐมภูมิ(Primary data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งไม่ได้คัดลอกมาจากบุคคลอื่นข้อมูลที่ได้จะต้องมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบันมากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ
 - ข้อมูลทุติยภูมิ(Secondary data) คือ ข้อมูลที่มีผู้รวบรวมหรือเรียบเรียงไว้แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูลสารสนเทศที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้


2.2 กระบวนการจัดการสารสนเทศ
 แบ่งประเภทของข้อมูลได้ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
 1) การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
 - การรวบรวมข้อมูล เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงาน ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูล
 - การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการรวบรวมข้อมูล ก็จำต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความถถูกต้อง เมื่อพบความผิดพลาดก็ควรที่จะแก้ไขโดยอาจใช้สายตาของมนุษย์หรือคอมพิวเตอร์ ในการตรวจสอบ
2) การประมวลผลข้อมูล
    ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
 - การจัดกลุ่มข้อมูล ควรจัดเป็นหมวดหมู่ชัดเจน เพื่อเตรียมไว้ใช้งาน
 - การจัดเรียงข้อมูล จัดเรียงข้อมูลที่มีความสำคัญตามลำดับตัวเลขหรือตามอักขระเพื่อให้สะดวกและประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล
 - การสรุปผลข้อมูล ควรสรุปผลให้กระชับได้ใจความสำคัญ เพื่อรอการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
3) การจัดเก็บและการดูแลรักษาข้อมูล
    ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
 - การเก็บรักษาข้อมูล การนำข้อมูลที่ประมวลผลแล้วมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ
 - การทำสำเนาข้อมูล การคัดลอกข้อมูลจากต้นฉบับเพื่อเก็บรักษา หากข้อมูลต้นฉบับเสียหาย ก็สามารถนำข้อมูลที่ทำสำเนาไว้มาใช้ได้ในทันที
4) การแสดงผลข้อมูล
 - การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล เป็นเรื่องสำคัญและมีบทบาทอย่างมาก เพราะหากได้รับข้อมูลข่าวสารได้ทันเวลา ผู้ใช้งานก็สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพทั้งนี้การสื่อสารและ เผยแพร่ข้อมูลก็ต้องมีประสิทธิภาพด้วย
 - การปรับปรุงข้อมูล ควรมีการติดตามผลตอบกลับ(Feedback)เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไข ให้ทันสมัยอยู๋ตลอดเวลาและควรจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการใช้งาน


2.3 ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
1) ระบบเลขฐานสอง
 - การสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลหรือการสั่งงานจะ ต้องอาศัยระบบเลขฐานสอง เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณไฟฟ้าโดยแทนตัวเลข 0 และ 1 โดยแต่ละหลักจะเรียกว่า "บิต" (Binary Digit : Bit) และเมื่อนำตัวเลขหลายๆบิตมาเรียงต่อกันจะใช้สร้างรหัสแทนจำนวน อักขระ สัญลักษณ์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้

2) รหัสแทนข้อมูล
 เพื่อ ให้การแลกเปลี่ยนข้อความระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เป็นไปในแนวเดียวกัน จึงมีการกำหนดมาตรฐานรหัสแทนข้อมูลในระบบเลขฐานสองขึ้น โดยมีรายละเอียดต่างๆดังนี้
 - รหัสแอสกี้(American Standard Code Information Interchange : ASCII) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยตัวเลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือเท่ากับ 1 ไบต์ แทนอักขระหรือสัญลักษณ์แต่ละตัว ซึ่งหมายความว่าการแทนอักขระแต่ละตัวจะประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง 8 บิตเรียงกัน
 - รหัสยูนิโค้ด(Unicode) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 16 บิต เนื่องจากตัวอักษรบางประเภทเป็นตัวอักษรรูปภาพ ซึ่งมีตีวอักษรเป็นหมื่นตัว หากใช้รหัสที่เป็นเลขฐานสอง 8 บิต จะแทนรูปแบบตัวอักษรได้เพียง 256 รูปแบบ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างรหัสใหม่ขึ้นมาแทน โดยแทนตัวอักขระได้ 65,536 ตัว และยังใช้แทนสัญลักษณ์กราฟิกและสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้ด้วย


3) การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
    มีรายละเอียดดังนี้
 - บิต (Bit) คือ ตัวเลขหลักใดหลักหนึ่งในระบบเลขฐานสองซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูล
 - ตัวอักขระ (Character) คือ ตัวเลข ตัวอักษรหรือเครื่องหมายใดๆโดยตัวอักขระแต่ละตัวจะใช้เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ในการแทนข้อมูล
 - เขตข้อมูล (Field) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระเรียงต่อกัน เพื่อแทนความหมายใดความหมายหนึ่ง
 - ระเบียนข้อมูล (Record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ 1 เขตข้อมูลขึ้นไป
 - แฟ้มข้อมูล (File) คือ กลุ่มของระเบียนข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หนึ่งระเบียนข้อมูลขึ้นไป
 - ฐานข้อมูล (Database) เป็นที่รวบรวมแฟ้มข้อมูลหลายๆแฟ้มเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์กันโดยใช้เขตข้อมูลที่เหมือนกันเป็นตัวเชื่อม ระหว่างกัน


2.4 จริยธรรมในการใช้ข้อมูล
 1) ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง หากข้อมูลเหล่านั้นถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ก็จะสร้างความเดือด ร้อนให้แก่เจ้าของข้อมูลได้
 2) ความถูกต้อง(Accuracy) ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้นก่อนเผยแพร่เพราะถ้าผู้รับข้อมูลได้รับ ข้อมูลที่ผิดก็จะเป็นการเสียเวลาในการค้นหาใหม่
 3) ความเป็นเจ้าของ(Property) การละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาจะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ ต่อเจ้าของข้อมูล ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังในการนำข้อมูลต่างๆมาใช้งาน ว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลหรือไม่ ซึ่งหากละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
 4) การเข้าถึงข้อมูล(Accessibility) การใช้งานคอมพิวเตอร์มักมีการกำหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งาน ก็เพื่อป้องกันและรักษาความลับของข้อมูล ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรมเช่นเดียวกันกับการถูกละเมิดข้อมูลส่วนตัว


คำถามท้ายบท
1. ข้อมูลที่ดีจะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ตอบ  ต้องเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้องและแม่นยำ มีความสมบูรณ์ครบถ้วนเกิดความน่าเชื่อถือสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องถูกต้อง ง่ายต่อการค้นหาและเป็นปัจจุบันเสมอ

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ตอบคำถามบทที่ 1

ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ 1 ตัวอย่างคือ 
adobe flash player

บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1.1 ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วยคำสามคำคือ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารซึ่งมีความหมายดังนี้
  เทคโนโลยี(Technology)
- การนำความรู้หรือวิทยาการทางด้านวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องจักรวัสดุ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
  สารสนเทศ(Information)
- ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านกระบวนการประมวลผลอย่างมีระบบและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
  การสื่อสาร(communication)
- การส่งข้อมูลข่าวสารโดยอาศัยสื่อเป็นตัวกลาง จากบุคคลหนึ่งหรือสถานที่หนึ่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองให้เป็นไป ตามที่ผู้ส่งข่าวสารต้องการ

เทคโนโลยีสารสนเทศ
  เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) มาจากคำว่า "เทคโนโลยี" กับ "สารสนเทศ" เชื่อมต่อกันหมายถึง การนำความรู้หรือวิทยาการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในทางด้านเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการกับข้อมูลสารสนเทศอย่างมีระบบ ก่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงานหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร(Information and Communication Technology : ICT) มีความหมายคือ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม เพื่อผลิต เผยแพร่ และจัดเก็บสื่อสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ

1.2 ระบบสารสนเทศ


  ระบบสารสนเทศ(Information system) เป็นระบบที่ช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ และจัดการกับข้อมูลต่างๆอย่างเป็นระบบประกอบด้วย 5 ส่วนสำคัญคือ
-ฮาร์ดแวร์(Hardware)
-ซอร์ฟแวร์(Software)
-ข้อมูล(Data)
-บุคลากร(People)
-ขั้นตอนการปฏิบัติงาน(Procedure)

1) ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
  เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการกับสารสนเทศ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆซึ่งนับว่าเป็นองค์ ประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศ เนื่องจากสามารถทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำและต่อเนื่อง เช่น จอภาพ(monitor),คีย์บอร์ด(keyboard) เป็นต้น
2) ซอฟต์แวร์(Software)
  เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งการให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆทำ งานตามคำสั่งของผู้ใช้ภายใต้ขอบเขตที่คอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมนั้นๆสามารถทำ ได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
 - ซอร์ฟแวร์ระบบ(system software) เป็นชุดคำสั่งที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายใน เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการทำงานต่างๆได้ตัวอย่างซอฟต์แวร์ระบบเช่น วินโดวส์(Windows) เป็นต้น
 - ซอฟต์แวร์ประยุกต์(application software) เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อประยุกต์ใช้กับงานตามความต้องการของผู้ใช้ แต่ละคน ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประยุกต์เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ(word processor),ซฮฟต์แวร์ตารางทำงาน(spreadsheet) เป็นต้น
3) ข้อมูล(Data) 
  ข้อมูลที่ดีจะต้องมีความสมบูรณ์ ถูกต้อง แม่นยำ และเชื่อถือได้ โดยจะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์รับข้อมูลต่างๆ ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลจะต้องมีโครงสร้างที่เป็นระบบเพื่อให้สับค้นได้ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4) บุคลากร(People)
  จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์โดย แบ่งออกเป็นผู้พัฒนาและผู้ใช้ระบบสารสนเทศ (user) ซึ่งผู้พัฒนาจะต้องพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ใช้สามารถ ทำงานได้ตามความต้องการ ส่วนผู้ใช้จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในการใช้งานระบบสารสนเทศได้อย่างถูก ต้อง
5) ขั้นตอนการปฏิบัติงาน(Procedure)
  ผู้ใช้งานจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงาน(user manual)อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ

  ส่วนประกอบทั้งห้านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ หากขาดส่วนใดไปหรือส่วนประกอบใดไม่สมบูรณ์ก็อาจทำให้ระบบสารสนเทศนั้นขาดความสมบูรณ์ได้

1.3 ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 1) ด้านการศึกษา
  ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานการศึกษาเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ อีกทั้งยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาและเพิ่ม ประสิทธิภาพการเรียนการสอนอีกด้วย
2) ด้านการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล
  ข้อมูลจำนวนมากได้ถูกรวบรวมและบันทึกไว้ในรูปของสื่อบันทึกข้อมูลประเภท ต่างๆ เช่น ฮาร์กดิส,แผ่นซีดีรอมและแผ่นดีวีดีรอม ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมเอกสารหรือหนังสือต่างๆทั้งหมดไว้และนำข้อมูลกลับมาใช้ ได้ตลอดเวลา
3) ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
  การสื่อสารแบบไร้สายเข้ามามีส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมที่ต้อง การความสะดวกรวดเร็ว เช่น การหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
4) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  การ วิจัยและการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารทั้งสิ้น เช่น การวิจัยด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ เป็นต้น
5) ด้านความบันเทิง
  รูปแบบการนำเสนอที่ตอบสนองความต้องการทั้งภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการเข้าถึงข้อมูลสสารสนเทศต่างๆที่สะดวกรวดเร็ว จึงทำให้ได้รับความนิยมที่ใช้งานกันอย่าแพร่หลาย เช่น การชมโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

  นอกจากประโยชน์ของกานใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่กล่าวมานั้น ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆอีกมากมาย เช่น ด้านสิ่งพิมพ์ ด้านการเงินธนาคาร เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำมาปรับใช้ให้เป็นไปตามหลักคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ

1.4 แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 - เทคโนโลยีแบบไร้สายทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
 - มีการใช้ระบบเสมือนจริงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคม
 - อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีขนาดกะทัดรัดและราคาถูก แต่มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและมีการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
 - การวางแผน การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจของมนุษย์จะถูกแทนที่โดยคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ
 - ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้มีช่องทางการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น
 - หน่วยงานหรือองค์กรจะมีขนาดเล็กลง แต่ปรับเปลี่ยนเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระหว่างหน่วยงานย่อยๆเพิ่มมากขึ้น

  แนวโน้มด้านอื่นๆยังมีอีกมากมาย เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิต ประจำวัน เยาวชนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อจะได้พัฒนาให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต

1.5 ผลกระทบจาการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 - พฤติกรรมเลียนแบบจากเกมที่ใช้ความรุนแรง อาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้
 - การใช้ชีวิตของสังคมเมืองที่เปลี่ยนไป ทำให้การพบปะของผู้คนลดน้อยลง ส่งผลให้สัมพันธภาพทางสังคมลดน้อยลงตามไปด้วย
 - การเข้าถึงข้อมูลบนระบบเครือข่ายที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้เกิดช่องทางการโจรกรรมเพิ่มมากขึ้น
 - ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การผลิตของผิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
 - การส่งต่อข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆบนระบบเครือข่าย ถ้าผู้ส่งไม่ระมัดระวังอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
 - เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆถ้าไม่มีมาตรการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็ จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

  ผลกระทบด้านอื่นๆยังมีอีกมากมาย แต่สิ่งสำคัญก็คือผู้คนในสังคมจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบ ต่างๆเหล่านี้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ใครแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม ซึ้งถ้าหากทำได้สังคมที่เราอาศัยอยู่ก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น

1.6 อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  
 - นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer) ทำหน้าที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ตามที่ต้องการ
 - นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) ทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
 - ผู้ดูแลและบริหารข้อมูล (database administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดฐานข้อมูล ดูแลความปลอดภัยของข้อมูล ประสานงาน และตรวจสอบการใช้งาน
 - ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบเครือข่าย และดูแลความปลอดภัยระบบเครือข่ายภายในองค์กร
 - ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซต์ (webmaster) ทำหน้าที่ดูแลและคอยควบคุมทิศทางของเว็บไซต์ตั้งแต่เนื้อหาภายในเว็บไปจนถึง หน้าตาของเว็บเพจให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
 - เจ้าหน้าที่เทคนิค (technician) ทำหน้าที่ดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

  นอกจากนี้ยังมีอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอีก มากมาย เช่น นักเขียนเกม(game maker),นักประชาสัมพันธ์(publicist) เป็นต้น